ครีมเทียม





กาแฟพร้อมกับน้ำตาลซองหนึ่งและคอฟฟีเมตน้ำถุงหนึ่ง
ครีมเทียม (อังกฤษNon-dairy creamer, coffee whitener) หรือบางครั้งที่เรียกกันจนติดปากว่า คอฟฟีเมต[1][2][3] เป็นครีมผงหรือน้ำที่ใช้ทดแทนนมหรือครีมเพื่อจะเติมรสชาติในกาแฟและเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีแล็กโทสและดังนั้นจึงถือกันว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ทำจากนม แม้ว่าจะมีสารเคซีน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำมาจากนม พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ได้ระบุคำจำกัดความของครีมเทียมไว้ว่า

ประวัติแก้ไข

ครีมผง (ไม่เทียม) เริ่มมีการขายเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1952 เรียกว่า พรีม ซึ่งทำมาจากครีมและน้ำตาลอบแห้ง ครีมผงนี้ละลายน้ำไม่ค่อยได้เพราะเหตุที่มีโปรตีนนม  หกปีต่อมาในปี ค.ศ. 1958 บริษัทคาร์เนชันได้สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สามารถละลายในน้ำร้อนได้ง่ายเพราะว่า มีการทดแทนไขมันนมด้วยไขมันพืช และลดระดับการใช้โปรตีนนมออกไป เป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายใช้ชื่อการค้าว่า คอฟฟีเมต (อังกฤษCoffee-Mate)
ตราสินค้า คาร์เนชั่น คอฟฟีเมต เริ่มต้นจากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นสินค้าเพื่อใช้ทดแทนนมสำหรับใส่ในกาแฟโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้รสชาติที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่เริ่มวางจัดจำหน่ายในปี 1961 คอฟฟีเมตได้รับความนิยมในทันทีเนื่องจากสินค้าช่วยให้กาแฟลดความขมเฝื่อน แต่กลับกลมกล่อมหอมันได้อย่างที่ผู้บริโภคชื่นชอบ จากความนิยมที่แพร่หลายเพิ่มมากขึ้น ตราสินค้าได้ปรับ เป็น เนสท์เล่ คอฟฟีเมตในปี 1985 จากการควบรวมกิจการ เพื่อใช้ตราสินค้านี้ในการจัดจำหน่ายไปทั่วโลก ในประเทศไทย โรงงานผลิต เนทส์เล่ คอฟฟีเมต เริ่มขึ้นเมื่อปี 1983 และพร้อมผลิตสินค้าออกจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อปี 1985
ปัจจุบัน เนสท์เล่ คอฟฟีเมต มีวางจำหน่ายทั่วโลกไปกว่า 70 ประเทศ ทุกๆ 1 วินาที คนทั่วโลกจะดื่มกาแฟที่ใส่คอฟฟีเมต 1,000 แก้ว และ 88 แก้ว เกิดขึ้นในประเทศไทย

ส่วนผสมแก้ไข

เพื่อจะให้มีรสชาติและสัมผัสเหมือนกับไขมันนม ครีมเทียมมักจะมีไขมันพืชแปรสภาพ (hydrogenated) หรือที่เรียกว่า ไขมันทรานส์ ถึงแม้ว่า ผลิตภัณฑ์ครีมเทียมที่ไม่มีไขมัน (nonfat) ก็มีอยู่เหมือนกัน องค์ประกอบอย่างอื่น ๆ ที่มีทั่วไปรวมทั้งน้ำตาลจากข้าวโพด (corn syrup) และสารปรุงแต่งกลิ่นหรือรสอื่น ๆ รวมทั้งกลิ่นวานิลลา ถั่วเฮเซิล (hazelnut) และโซเดียมแคซีเนต (sodium caseinate) คือโปรตีนอนุพันธุ์ที่ได้มาจากเคซีนซึ่งเป็นโปรตีนของนม (ไม่มีแล็กโทส) แต่ว่า การใช้โปรตีนที่มาจากนมทำให้กลุ่มชนบางพวกและองค์กรบางองค์กร เช่นกลุ่มที่ทานอาหารเจแบบเคร่งครัด (vegan) และองค์กรที่กำหนดความสมควรของอาหารของชาวยิว (kashrut) ทำการกำหนดว่าครีมเทียมชนิดนี้เป็นผลิตภัณฑ์มีนม ไม่ใช่ไม่มีนม ีมีผลเป็นการไม่บริโภคครีมเทียมของพวกกินเจแบบเคร่งครัด หรือไม่บริโภคร่วมกับเนื้อสัตว์ประเภทอื่น ๆ ของคนยิวที่ถือศีลประเภทนี้
ปัจจุบัน ทาง Nestle COFFEE-MATE ได้ใช้กรรมวิธีในการผลิตวัตถุดิบไขมันพืช แบบเติมไฮโดรเจนชนิดเต็มรูปแบบ หรือที่เรียกว่า Fully Hydrogenation ซึ่งช่วยทำให้พันธะคู่ของไขมันไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือที่เรียกว่า ปราศจา
กไขมันทรานส์ (Trans fat) และเนืองจากใช้ ไขมันพืชเป็นวัตถุดิบ จึงไม่มีโคเลสเตอรอล

การใช้นอกแบบแก้ไข

เหมือนกับอนุภาคเล็ก ๆ หลายประเภทอย่างอื่น ครีมเทียมมีโอกาสที่จะก่อการระเบิดเนื่องจากผง[rมื่อลอยอยู่ในอากาศเป็นจำนวนมาก นักถ่ายหนังสมัครเล่นและช่างเทคนิคการระเบิด[8] ได้ใช้คุณสมบัติเช่นนี้ในการสร้างสเปเชียลเอฟเฟคลูกไฟหลายอย่าง
นอกจากนั้นแล้ว.. ยังมีการใช้ครีมเทียมในการทำผ้าให้ขาว (หลังจากที่ผสมครีมเทียมกับน้ำ โดยใช้เพื่อชุบผ้า) การเอาฟองออกจากแทงค์ปลา การทำความสะอาดกระดานขาว และการทำหิมะปลอมในรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์

เชิงอรรถแก้ไข

  1.  การระเบิดเนื่องจากผง (dust explosion) เป็นการเผาไหม้อย่างรวดเร็วของอนุภาคที่ลอยอยู่ในอากาศในที่คับแคบ การระเบิดเนื่องจากผงถ่านเป็นอันตรายอย่างหนึ่งในเหมืองถ่านหิน แต่การระเบิดเนื่องจากผงสามารถเกิดได้ทุกแห่งที่มีผงติดไฟได้ลอยอยู่ในอากาศในที่คับแคบ โดยทั่ว ๆ ไปแล้วคือ มีผงติดไฟได้จำนวนมากลอยอยู่ในอากาศ หรือในแก๊สอย่างอื่น ๆ เช่นในแก๊สออกซิเจน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โครงงานขนมตะโก้

ภาษาเยอรมัน/คำศัพท์/สัตว์

7ขนมหวานยอดฮิตในเยอรมัน!!